วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เชื่อมั่น ที่จะไม่เชื่อใจ

ถ้าเชื่อมั่นในความรู้ แต่คุณครูสอนให้สอนให้เกลียดพ่อแม่ 
จะกล้าให้ลูกไปเรียนกับครูคนนี้ไหม

ถ้าเชื่อมั่นในการแพทย์ แต่หมอให้ยาแอสไพรินรักษาโรคไข้เลือดออก 
จะกล้าส่งคนที่รักไปรักษากับหมอคนนี้ไหม

ถ้าเชื่อมั่นในการเดินทาง แต่นักบินบอกว่าคุณเป็นเหยื่อแล้วจะให้เครื่องบินโหม่งโลก 
คุณจะกล้าเดินทางสายการบินนี้ไหม

แต่ละศาสตร์มีความรู้ที่บริสุทธิ์ หากใช้ในทางที่ดี จะเกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติอย่างมากมาย 

แต่ถ้าผู้ใส่หัวโขนแต่ละสาขาอาชีพ นำความรู้นั้น มาใช้ในทางเสื่อม ด้วยความโง่เขลา ด้วยอคติ ด้วยฤทธิ์เงินตรา หรืออะไรก็แล้วแต่ เราที่รู้ทั้งรู้ ว่าเขาทำไม่ถูก แล้วควรทำอย่างไร



เราจะยอมเสี่ยงให้คนที่คุณรักไปเรียนกับครู รักษากับหมอ หรือเดินทางกับสายการบินนั้นงั้นหรือ

ถึงแม้ใครจะบอกว่า ไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้น ทุกอย่างมีกระบวนการของมัน แต่ถ้าเป็นคุณ ทั้งๆที่รู้ว่ามีสิทธิจะเกิดขึ้น คุณจะยอมไหม

ถ้าตอบว่า "ไม่" วัดพระธรรมกายก็เช่นกัน 

ทั้งๆที่รู้ ว่าสู้อยู่กับใคร ตำรวจ ทหาร หน่วยปฏิบัติการ คอมมานโด???

ทุกสาขาอาชีพที่กล่าวมา ในทางกายภาพ เราไม่สามารถสู้ได้เลยแม้แต่น้อย 

พวกคุณมีปืนมีไว้กราดยิง 

พวกเรามีไม้กวาด 

พวกคุณมีวอร์ติดต่อสื่อสารเรียกรวมพล 

พวกเรามีเครื่องนับการภาวนาสัมมาอะระหัง

พวกคุณมีมือที่ฝึกมา คุณฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่า 

พวกเราก็มีมือที่ฝึกมา ให้วางไว้หน้าตักเพื่อบริกรรมภาวนา กับกราบพระสวดมนต์

รู้ทั้งรู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่คนตัวเล็กๆทั้งหลาย กลับมีสิ่งที่ตรงกันข้าม คือหัวใจอันยิ่งใหญ่ พลังแห่งความสงบ สันติ อหิงสา 

จุดเริ่มต้นที่ไม่รู้ว่า จะสู้ได้แค่ไหน กลับเป็นกระบอกเสียงที่ดีที่สุด ที่พร้อมจะตะโกนบอกชาวโลกว่า ขอความยุติธรรมให้หลวงพ่อธัมมชโยบ้างได้ไหม 


ทำไมเขามาบริจาคเงินด้วยความศรัทธา กลับมาหาว่าหลวงพ่อรับเงินมา ผิด!!!

ทำไมองค์กรอื่นก็รับบริจาคจากคนเดิม เขากลับไม่ผิด!!!

ทำไมคนที่เป็นแกนนำม็อบ ปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ เป็นกบฏ เขากลับไม่ผิด!!!

ทำไมหลวงพ่ออยู่เฉยๆ และปฏิบัติตามกฏหมายทุกอย่าง กลับมาหาว่าผิด!!!

เพราะกฏหมายศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้ถือกฏหมาย กลับใช้หลายมาตรฐาน ถ้ายังคงหาคำตอบให้พวกเราในสิ่งที่ค้างคาไม่ได้ พวกเราก็คงยืนยันอย่างบริสุทธิ์ใจว่าจะต้องปกป้องหลวงพ่อผู้มีพระคุณ ตามแบบฉบับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้ให้ต่อไป

และขอยืนยันคำเดิมว่า เราเคารพกฏหมาย เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่เชื่อมั่นในผู้ใช้มัน 
#จนกว่าจะไว้ใจได้ 
#จนกว่าประชาธิปไตยจะคืนมา


วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ชะตาดั่งไข่ หัวใจดั่งเพชร

ยืนมองท้องฟ้าในวันที่ฟ้าสีเทา บรรยากาศครื้มๆ วัดใจกันไป วันนี้ฝนจะตกไม่ตก พายุใหญ่จะมาไม่มา

คิดพลางว่า
ถ้ายังอยู่ช่วงนี้ ของปีที่ผ่านๆมา เรากำลังทำอะไรอยู่

ช่วงเดือนมิถุนายน???

หลังงานบุญใหญ่ 22 เมษา งานบุญของวัด คงกำลังวุ่นกับการเตรียมงานหรือเตรียมตัวไปตักบาตร 10,000 รูปในจังหวัดต่างๆ ลงพื้นที่ชวนคนมาบวชภาคฤดูฝน อบรมปฏิบัติธรรมให้คุณครูนับร้อยนับพันในสถานที่ปฏิบัติธรรมของวัด ถ้าว่างหลายวันหน่อย คงกลับไปเยี่ยมครอบครัว พ่อแม่ ที่อยู่ที่บ้าน

แต่ปีนี้ไฉนกลับไม่เหมือนเดิม

งานบุญบางอย่างนอกสถานที่ กลับถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด งานฉลองเจดีย์  งานตักบาตร ผ้าป่า ฯลฯ มีเพียงการมาปฏิบัติธรรมที่วัดเหมือนปกติ แต่เป็นสิ่งสำคัญกว่างานใหญ่ใดๆ เพราะตอนนี้หลวงพ่อและวัดของพวกเรา ดังเป็นพลุแตกและขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และสื่อออนไลน์ทุกพาดหัว ทุกวัน ถ้าเป็นเรื่องดีๆเราคงไม่มีอะไรกังวลใจ

แต่เป็นเรื่องคดีความต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ขยันสรรหามาถวายวัดไม่เว้นแต่ละวัน หลวงพ่อท่านอยู่ของท่านปกติ กลับได้เป็นพยานในคดีความ เจอข้อหารับของโจร ฟอกเงิน ใช้ใบรับรองแพทย์ปลอม แกล้งป่วย ตามมาด้วยต่อต้านอำนาจรัฐ หลบหนี หลีกเลี่ยงกฏหมาย แทรกแซงการเมือง ฯลฯ และสุดท้ายตอนนี้บอกว่าวัดพยายามจะก่อร่างสร้างตัวเป็นรัฐอิสระ

คดีมากมายจนนับเรื่องที่ถวายให้แทบไม่ทัน

อึดอัด...แต่เรื่องเหล่านี้ไม่น่าแปลกใจ หากจะเกิดขึ้นอีก กับ 
วัดพระธรรมกาย

ตั้งแต่ขุดดินก้อนแรกสร้างวัด ซื้อที่ วัดก็มีปัญหากับชาวนา วัดซื้อที่มา แต่ชาวนาเขาอยู่มาก่อน วัดขอร้องให้ออก จัดหาที่อยู่ใหม่ พร้อมปัจจัยไว้สร้างเนื้อสร้างตัว แต่กลับมาหาว่าวัดรังแกชาวนา

วัดจัดพิธีกรรม รวมคนทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ก็หาว่าจัดตั้งคอมมิวนิสต์

เรื่องพระลิขิต  ของพระสังฆราช ที่จริงหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบ ให้ไปถามท่าน ก็ไม่มีใครไป แต่ลงมติจากมหาเถรสมาคมแล้วว่าไม่ใช่ ไม่งั้นจะได้รับการพระราชทานสมณศักดิ์ทำไม แต่มาหาว่าหลวงพ่อท่านปาราชิก

ท่านสร้างวัดมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่านเอง มาหาว่าท่านโกงเงินวัด

ฯลฯ สารพัดคำกล่าวหาที่ถาโถมไม่หยุดหย่อนในแต่ละช่วงการเติบโตของวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อท่านเคยบอกว่าเหมือนชะตาไข่ ที่อะไรมากระทบ ก็แตก หรือไปกระทบอะไร ก็แตก

เป็นธรรมดาของคนๆหนึ่งที่จะเลือกคบค้าสมาคมกับใคร ใครเลือกก่อนว่าเขาเป็นคนดี ไม่มีคดีความติดตัว ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดจริงๆ ก็ขอห่างไว้ดีกว่า เพราะถ้าไปคบ เคารพ นับถือ ไป เกรงว่าเราก็จะพลอยเสียหาย ติดร่างแหแห่งความผิดนั้นไปด้วย

แต่กับหลวงพ่อธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ ทั้งยังกลับตาลปัตรเสียจนน่าแปลกใจ

ยิ่งมีข่าวเสียหายใดๆมากมายเท่าใด คนที่เคารพนับถือท่านทั่วประเทศ ทั่วโลก กลับยังคงอยู่ไม่ไปไหน และหลั่งไหลเป็นธารแห่งกำลังใจมาที่วัดแห่งนี้ เหมือนโลหะที่ไปตามแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กอย่างนั้น
คณะสงฆ์จาก จังหวัดภาคกลางเดินทางมาให้กำลังใจ

คณะสงฆ์จากภาคตะวันออก ตะวันตก เดินทางมาให้กำลังใจ

คณะสงฆ์จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินทางมาให้กำลังใจ

คณะสงฆ์จากภาคเหนือ เดินทางมาให้กำลังใจ

               สาธุชนเดินทางมาให้กำลังใจหลวงพ่อธัมมชโย

สาธุชนจากต่างประเทศ ชูป้ายให้กำลังใจหลวงพ่อ เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของท่าน

สาธุชนจากต่างประเทศ ชูป้ายให้กำลังใจหลวงพ่อ เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของท่าน


สาธุชนจากทั่วโลก ชูป้ายให้กำลังใจหลวงพ่อ เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของท่าน

คณะสงฆ์ทั้งประเทศ ทยอยเดินทางมาให้กำลังท่านที่วัดพระธรรมกาย ญาติโยมที่อยู่ต่างประเทศรวมตัวกันเพื่อประกาศว่าพวกเขาเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ ญาติโยมในประเทศไทยทยอยเข้าวัดอย่างไม่ขาดสาย ใครค้างได้ก็ขอนอนวัด ใครค้างไม่ได้แต่ขอไปกลับ เพื่อมาปฏิบัติธรรม ปกป้องและให้กำลังใจแก่บุคคลคนหนึ่ง ที่มีความหมายในชีวิตของพวกเรา

พวกเราไม่ได้ว่าง พวกเราไม่ได้ถูกจ้าง

แต่มาเพราะเห็นว่าสิ่งที่ท่านได้รับการกล่าวหาในขณะนี้นั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเรารู้เราเห็นท่านมาตลอดทั้งชีวิต

ตลอดหลายปีที่ใครหนึ่งคนได้เข้ามาถึงวัดพระธรรมกาย ได้เห็นถึงโครงการต่างๆ ที่วัดแห่งนี้ได้สร้างคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนามากมาย สร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี เปลี่ยนแปลงชีวิตคนหลายคน รวมถึงตัวเราเอง มีคนๆหนึ่งที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มีอย่างหนึ่งที่เราจะต้องนับถือและกราบหัวใจนักรบของท่าน

#ภายใต้รอยยิ้มที่หลวงพ่อเล่าธรรมะผ่านโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันทุกวัน

#ภายใต้คำอวยพรขอให้ลูกๆแข็งแรง รวยบุญรวยบารมี

#ภายใต้ถุงเท้ายาวสีเหลืองไข่ กับสองเท้าที่เดินช้าๆอย่างองอาจคู่นั้น




โรคภัยประจำตัวที่รุมเร้า ทำให้ร่างกายฟ้องออกมา นอกจากบุคคลใกล้ชิด ไม่เคยมีใครได้เห็น

หลวงพ่อของพวกเรา ท่านอาพาธหนัก แต่กลับไม่เคยพูดถึงความทุกข์ ความเจ็บปวดทางร่างกายให้ใครได้รับรู้ 

ใครจะพูดอะไรพูดไป ใครจะว่าอะไร มองข้าม ท่านอดทนต่อความไม่เข้าใจ อดทนต่อทุกอย่างที่โหมกระหน่ำอย่างไม่หวั่นไหว ทั้งยังยืนหยัดเพื่อปกป้องและเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาอย่างไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยถอย 

ตั้งแต่วัดพระธรรมกายเกิดขึ้นมา ไม่เคยหนีพ้นความไม่เข้าใจ การให้ร้ายใส่ร้ายเป็นเรื่องที่โดนมาตลอด แต่ขอให้หยุดคิดและพิจารณาสักนิด จะเห็นความจริงบางอย่างที่กาลเวลาพิสูจน์แล้ว และคุณจะไม่คิดคลางแคลงใจในวัด และหลวงพ่อธัมมชโยท่านอีกเลย 

- โครงการก่อสร้างต่างๆ  เขาบอกว่าหลอกเอาเงิน ขายบุญ ขายสวรรค์ กลับสร้างเพื่อปกป้องนักปฏิบัติธรรมที่มาในวัดจากแดด ลม ฝน ให้สร้างบุญได้อย่างสะดวกสบาย สุดท้ายคือสมบัติของแผ่นดิน


- คำสอนต่างๆ เขาหาว่าบิดเบือน ไม่ใช่แก่นแท้ของพระศาสนา แต่กลับปกป้องคนนับล้านจากความทุกข์ในวัฏสงสาร โดยหัวใจของธรรมะ คือการละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส 



- วัดพระธรรมกาย ที่เขาหาว่าเป็นนิกาย ลัทธิใหม่ ไม่ต้องการขึ้นกับใคร กลับเป็นศูนย์กลางคณะสงฆ์ไทยให้เข้มแข็ง



- ขาทั้งสองข้าง เขาว่าเป็นเพราะบาปหนา กลับยืนหยัดสร้างโครงการศาสนานับพันนับหมื่น เป็นเช่นโพธิ์ใหญ่ความร่มเย็นแก่คนที่หนีร้อนมา

- ที่ไม่ไป ไม่ใช่ไม่กล้า แต่ขอเอาตัวเองยืนหยัดเพื่อปกป้องหลักธรรมของพระสัมมา ปกป้องสงฆ์ทั้งแผ่นดินไม่ให้ถูกกระบวนการอยุติธรรมทำลาย



ไม่มีสิ่งที่ต้องสงสัย 
ไม่เหลือสิ่งให้คลางแคลงใจ

ถึงปีนี้จะไม่ได้สงบสุขเหมือนปีไหน แต่ยิ่งทำให้มั่นใจ เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของท่าน และขอใช้ความกตัญญูนี้ ปกป้องหลวงพ่อ เหมือนที่หลวงพ่อสอนให้เราปกป้องพระพุทธศาสนาเสมอมา

ฟ้ากำลังครื้ม เมฆดำกำลังมา ไม่ช้าฝนคงตกแรง 
แต่รู้เสมอว่าหนักแค่ไหนมันก็จะผ่านไป ฝนจะซา ท้องฟ้าจะสดใส 

ครั้งนี้ฟ้าจะทองผ่องอำไพ 
และสว่างกว่าใครในแผ่นดิน




กราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อผู้มีหัวใจดั่งเพชร 
ด้วยความเคารพเสมอมา และตลอดไป


วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เมื่อรั้วลวดหนาม แทงทะลุถึงหัวใจ

วันก่อนโทรหาพ่อ

พ่อถามคำแรกเลย  " อยากกลับบ้านไหม??? "

คำถามสั้นๆ แต่มีพลังเข้าไปในใจอย่างบอกไม่ถูก 

พ่อคงดูข่าวคราวของวัด ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันรุนแรงขึ้นทุกที 

" ยังไม่อยากกลับเลย งานยุ่งค่ะช่วงนี้ " ลูกตอบพ่อไปน้ำเสียงสดใส หวังให้พ่อสบายใจ ว่ายังดีมีความสุข

"ไม่ต้องห่วงพ่อ ไม่มีอะไรหรอก หลวงพ่อท่านไม่ได้ทำผิด อย่างที่เคยเล่าให้พ่อฟังแล้วไง"

อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด แต่คงไม่มีอะไรหรอก ที่นี่วัดนะ ใครจะมาทำอะไรได้ 

คิดแบบนี้อยู่หลายวัน............................

จนเมื่อวานทำงานเสร็จ ว่าจะกลับไปพัก  เห็นคนงานใส่เสื้อสีเขียวสุดจะแสบตา ติดลวดหนามแนวรั้ววัดพระธรรมกาย  อย่างที่เห็นในข่าวหลายๆฉบับ


ความรู้สึกเดิมๆ มันกลับคืนมา หรือที่เรียกว่า Flashback ย้อนเวลา อย่างไงอย่างงั้น




พลันนึกไปถึงช่วงเวลาที่เคยไปร่วมงานถวายสังฆทาน 323 วัดที่ภาคใต้  จ.นราธิวาส หนึ่งในสามจังหวัด ที่อันตรายที่สุดในประเทศไทย

เป็นครั้งแรกที่เคยไปเยือน ทุกนาทีที่นั่น ไม่เคยได้หายใจทั่วท้องเลย นึกถึงแต่พ่อแก้ว กับ แม่แก้ว




ภาพที่ออกสื่อ สวยงาม แสนจะสมบูรณ์แบบ 


แต่กว่าจะได้ภาพแบบนี้มา ใครไหนเลยจะรู้ว่า เบื้องหลังเราเจอกับอะไร


การเดินทางในเมืองนราธิวาส เมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงาม 

ต้นไม้เขียวๆเต็มไปหมด คนในพื้นที่ยังบอกว่า ที่นี่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย แต่เราไม่มีโอกาสเดินช้าๆ และหยุดมองดูบรรยากาศเหล่านั้น เพราะการเดินทางด้วยรถยนต์ข้ามอำเภอ ต้องขับเร็วต่ำๆก็ 120 กม./ชม. 

เนื่องด้วยหนทางอันตราย อย่างที่ในข่าวออกว่ามีผู้ก่อการร้ายพร้อมจะวางระเบิด ถ้าขับช้า โอกาสพลาดมีมากกว่า รถที่ฉันนั่ง ขับเร็วมากโดยไม่ปรึกษาทรงผมฉันแม้แต่น้อย (นั่งรถปิคอัพมีหลังคา เหมือนรถนักเรียน)


ถึงวัดที่จัดงานถวายสังฆทานแล้ว  บรรยากาศงานบุญปลื้มๆที่คุ้นเคยเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือ เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดทหาร ตำรวจ มารักษาความปลอดภัย กะเกณฑ์ด้วยตา ไม่น่าน้อยกว่าครึ่งร้อย





ทหารดูแลคอยรักษาความปลอดภัยให้พระสงฆ์เป็นปกติของที่นี่ ช่วยดูแลทางกาย ส่วนพระก็ช่วยดูแลทางจิตใจให้กับชาวบ้าน ให้มีที่ยึดเหนี่ยว ท่ามกลาง
เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่ไม่ได้ลดน้อยถอยลง เมื่อเทียบกับ 10 กว่าปีที่แล้วเมื่อเกิดเหตุใหม่ๆ ความกลัวก็ไม่ได้หายไป แต่กลายเป็นความชิน


หลังจากการถวายสังฆทานผ่านไป 1 วัน ก็ยังมีการระเบิดใหญ่ ถึง 3 จุด เส้นทางที่ไปถวายสังฆทานเลย (ความรุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน)


ไม่มีใครเป็นอะไร พวกเราคงจะมีบุญคุ้มครองอยู่บ้าง 

และโครงการถวายสังฆทาน มอบทุนช่วยครูใต้ มอบเสบียง ปัจจัยให้ตำรวจทหารทางภาคใต้ ไม่ได้ทำเพียงครั้งสองครั้ง  ใครจะรู้บ้าง ว่าวัดทำทุกเดือน มากว่า 13 ปี แค่ไปเป็นส่วนหนึ่งของงาน มันยังภูมิใจ

"อะไรที่วัดมีกำลัง อะไรที่วัดช่วยได้ วัดอยากช่วยดูแล"


ในระหว่างการเดินทางไปที่นั่น สังเกตเห็นบางอย่าง ที่ไม่น่าจะมาประกอบกันได้ในยามปกติ คือรั้ววัด และลวดหนามที่อยู่บนนั้น 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะด้านในวัดมีกองกำลังทหาร คอยรักษาความปลอดภัยให้วัดและชาวบ้าน



"รั้วลวดหนาม จึงมีไว้รักษาความปลอดภัย กันผู้ไม่ประสงค์ดี กันผู้ก่อการร้าย ที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์" 



กลับมาจากการย้อนเวลา และมองข้างหน้า ว่ารั้วลวดหนามที่ล้อมวัดพระธรรมกายอยู่นี้ สร้างมาเพื่อกันอะไร



ไม่ใช่โจรใต้ 

ไม่ใช่คนผู้ก่อการร้าย

แต่สร้างเพื่อกัน










เพื่อกันตำรวจ? 
กันทหาร? 
กันมือที่สาม? 
ที่จะมาก่อความวุ่นวาย 

เค้าบอกว่าจะระดมกำลังกันมา เพื่อจับพระ 1 รูป ที่ทำดีมาตลอด 50 พรรษา พระที่อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา พระที่ดำรินับร้อยนับพันโครงการ รวมถึงช่วยเหลือตำรวจทหารในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ พระรูปนั้นที่ชื่อว่า "พระเทพญาณมหามุนี"


คิดแล้วมันน่าน้อยใจ  ไม่รู้ว่าคนที่อยากมาทำร้าย ทำลายวัด ทำเพื่ออะไร ยศ ตำแหน่ง หรือเงินตรา กับการเนรคุณข้าวปลาที่ทำให้มีชีวิตอยู่ คิดดีกันแล้วหรือ 



ทั้งสองที่คนบริสุทธิ์อยู่ในวัดเหมือนกัน 
แต่ต่างกันที่รั้วนั้นเอาไว้กันใคร


การมองรั้วลวดหนามในวันนี้ ช่างคิดได้ต่างกับที่มองในวันนั้น 
มันอยู่บนรั้วของมัน แต่กลับทิ่มเข้าไปในใจ



ในวันที่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี ธงที่โบกพัดยังปลิวไสว คนต่างวัยต่างอาชีพกลับจูงลูกจูงหลานเข้าวัดมากกว่าเดิม 

เหตุการณ์ข้างนอกวุ่นวาย เหตุการณ์ข้างในไม่ใช่ พวกเรายังมีรอยยิ้ม มาเข้าวัดปฏิบัติธรรม ปล่อยรั้วทำหน้าที่ของมัน ส่วนเราก็ทำหน้าที่ของเรา ภายใต้ใจที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ และกตัญญูต่อผู้ที่สอนให้เราเป็นคนดีเสมอ 




เด็กมาสวดมนต์นั่งสมาธิที่วัดพระธรรมกาย


คุณยายอายุเกือบร้อย มาเข้าวัดฟังธรรมปกป้องหลวงพ่อ


มากันทั้งบ้าน


เราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโย


เด็กพากันมาเข้าวัดปฏิบัติธรรม

ยินดีต้อนรับเข้าสู่วัดพระธรรมกาย


                          "คุณมีธงของคุณ เรามีธรรมของเรา"

                            ยินดีต้อนรับ สู่วัดพระธรรมกายค่ะ