วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ที่กล้ามา ไม่ใช่ไม่กลัว???


เรื่องผวา ณ วัดพระธรรมกาย


เหตุเกิดที่สำนักงานตำรวจภูธร คลองหลวง เมื่อวันที่ 26 พ.ค.59 ที่ผ่านมา ที่พวกเราได้ข่าวกันว่า หลวงพ่อธัมมชโย จะไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของ DSI 

ก็เกิดเหตุรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย หรือนัดหมายในเวลาอันน้อยนิด แต่หลายฝ่ายมารวมตัวกันได้มากมาย 

เริ่มจาก ตำรวจที่อยู่โรงพักอยู่แล้ว 
นักข่าวและกล้องนับร้อย ก็มาหาข้อมูลข่าว เพราะเรื่องนี้เป็นที่สนใจของสังคม
พระสงฆ์วัดพระธรรมกาย กองทัพสาธุชน ก็มาเป็นกำลังใจให้หลวงพ่อที่เขาเคารพศรัทธา 
และสุดท้าย DSI ก็มา เพราะเป็นหน่วยงานดำเนินคดีนี้

แต่เมื่อหลวงพ่อท่านอาพาธกะทันหัน ด้วยปัญหาสุขภาพซึ่งไม่สามารถควบคุมได้  

แน่นอนทุกคนเลิ่กลั่ก แต่ก็จะให้ทำอย่างไร ทุกคนก็ทยอยกลับ แต่หลังจากนั้นก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ กระแสข่าวมากมาย ถาโถมวัดพระธรรมกายเข้ามา

"หลวงพ่อเบี้ยว จัดฉากการไปมอบตัว" บ้าง
"วัดพระธรรมกายปิดวัด หวั่นคนบุกจับพระธัมมชโย" บ้าง
"ระดมมวลชนปิดล้อมสภ. เป็นโล่มนุษย์" บ้าง ก็แล้วแต่สำนักข่าวไหนจะจินตนาการได้ และเสนอข่าวให้เป็นอย่างไร"








แต่ในใจลูกศิษย์ลูกหา กลับไม่ใช่เช่นนั้น และพากันคิดต่างอย่างเหมือนๆกันว่า เรื่องนี้อาจจะมีอะไรแอบแฝง เพราะก่อนที่จะถึงวันที่ 26 พ.ค. มีข่าวต่างๆนานาว่า มีคนอยากจะ


"ยึดวัด ยึดทรัพย์ และมีแผนจะจับตัวหลวงพ่อไป"






มาถึงบางอ้อ เมื่อหลายๆอย่างประจวบเหมาะกัน ว่าเหตุการณ์วันที่ 26 นั้น ถ้าท่านไปจะเกิดอะไรขึ้น



ชาววัดจึงมารวมตัวกัน เพื่อขอรับฟังความจริงจากที่วัดจริงๆ มาสวดมนต์ปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มบุญในตัว และอยากมาให้รู้ว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขาจะไม่มาตุกติกมายึดวัดที่พวกเรา ได้สละแรงกาย แรงทรัพย์ และสร้างมาตั้งแต่วัดยังเป็นที่นาโล่งๆ เสาแต่ละต้นในวัด ฯลฯ ก็จากเงินที่พวกเราจบหัวถวายมาทั้งนั้น

บางสำนัก เราขอบคุณ เพราะเสนอข่าวอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา



แต่บางสำนัก ก็ยังคงไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกเราต้องมา
บอกว่าพวกเราระดมพลจะสู้  เสมือนบอกมานัยๆว่า 

"ศิษย์ธรรมกายคงไม่ทำตามกฏหมาย"





ขอบอกไว้เลยว่า ที่มาตรงนี้ ทุกคนรู้ข่าว ว่าตอนนี้วัดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดี เสี่ยงภัย และเป็นอันตรายต่อชีวิตด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนไหน 

พวกเราก็คน พวกเรากลัวตาย พวกเราผวา แต่สิ่งที่พวกเรากลัวยิ่งกว่า คือหลวงพ่อที่เราเคารพรักศรัทธา และวัดที่สร้างมากับมือ กำลังตกอยู่ในอันตราย

"ไม่มีใครหลับเต็มตื่น" 
"แค่ได้ยินเสียงพัดลม ยังระแวงคิดว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์"
"บางคนใส่รองเท้านอน ต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอ"
"ศิษย์วัดดีใจ ที่คนพากันเข้าวัด แต่คงไม่ดีใจ ที่เขาจะมาพร้อมรถถัง"









ไม่มีใครดื้อจะอยู่เหนือกฏหมาย และหลวงพ่อท่านก็อยากทำตามกระบวนการเช่นกัน ติดที่ท่านอาพาธ ไปไม่ไหว

ศิษย์วัดที่มาก็มีหน้าที่การงาน บ้านก็มีอยู่สุขสบาย มาอยู่วัดอาวุธก็ไม่มี ศิลปะการต่อสู้เคยดูแต่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยในทีวี ไม่มีอะไรที่จะไปสู้กับสู้กับคนที่มีอาวุธได้หรอกค่ะ

พวกเราก็มีแต่หัวใจที่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เพราะรู้ว่าหลวงพ่อท่านบริสุทธิ์ ตั้งแต่เข้าวัดมาหลวงพ่อก็คอยสอนให้ทำแต่ความดี ได้ยินเสียงท่าน คือเสียงที่คอยสั่งคอยสอนให้นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมมาตลอด 

เชื่อมั่นที่สุดว่าไม่มีวันที่ท่านไปทำไม่ดีอย่างที่ใครกล่าวหาได้ นี่คือเหตุผล ที่พวกเรามาอยู่ตรงนี้ 

และมาทำสิ่งที่หลวงพ่อท่านสั่งสอนเรามาตลอด




วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พระ จะเดินทางไปต่างประเทศกันได้ง่ายๆจริงหรือ


ช่วงนี้เรื่องราวในสังคม คงหนีไม่พ้นประเด็นเกี่ยวกับพระสงฆ์ ที่ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะดำเนินคดีกับพระผู้ทรงสมณศักดิ์ 1 รูป ผู้ซึ่งนานาอารยประเทศรู้จักกันในนาม พระผู้สนับสนุนและเผยแผ่สันติภาพโลก ในประเทศไทย ท่านคือ พระเทพญาณมหามุนี และคณะลูกศิษยานุศิษย์ เรียกท่านในนาม หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีศูนย์สาขาในประเทศ และต่างประเทศมากมาย 
ท่านได้ทำคุณงามความดีมาตลอดทั้งชีวิต ทั้งสนับสนุนและฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ให้ทั้งลูกศิษย์ลูกหานับล้าน รวมถึงเยาวชน ด้วยโครงการต่างๆ เช่น บวชพระ บวชอุบาสิกาแก้ว เด็กดี V-Star สอบตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า ฯลฯ และสิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ ท่านเป็นครูสอนสมาธิของโลก เนื่องจากทุกกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย จะมาควบคู่กับการทำสมาธิเสมอ 

แต่วันนี้ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง จะมาดำเนินคดีกับท่าน หาทางจับกุม ซึ่งหลายๆคนหลายๆท่าน ตั้งข้อสงสัยว่า ท่านอาจจะหนีคดีความ โดยการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งในความคิดท่านและเหล่าศิษยานุศิษย์แล้ว คือ เป็นไปไม่ได้ ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะวัดพระธรรมกายดำเนินตามหลักคำสอนของหลวงปู่สด วัดปากน้ำ มาโดยตลอด คือ ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป  และทางเหตุผลที่ยืนยันเป็นรูปธรรมได้ชัด คือ หลวงพ่อธัมมชโย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศมา 30 ปีแล้ว ดังนั้น จึงไม่มี Passport และ VISA ซึ่งหากใครหลายๆคนเคยเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ต้องรู้ว่าสองสิ่งนี้สำคัญมาก เพราะถ้าไม่มี ก็ไม่สามารถที่จะเดินทางออกนอกประเทศได้ 

และหากใครสงสัย ในวันนี้ ก็มีความรู้มาทำให้หายคลางแคลงใจ ว่าการทำ Passport หรือหนังสือเดินทาง และ VISA ของพระภิกษุนั้น หากจะทำจริงๆ ไม่ง่ายเลย มีขั้นตอนและใช้ระยะเวลามากกว่าเราบุคคลธรรมดาเสียอีก เพราะฉะนั้น อย่าช้า มาดูขั้นตอนกันเลยค่ะ  





1.เตรียมเอกสาร ยื่นคำขออนุญาตฯ กับเลขานุการคณะกรรมการ ศ.ต.ภ. (ศูนย์ควบคุมการไปต่างประเทศของพระภิกษุสามเณร) ดังนี้
1.  แบบขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ
2.  สำเนาทะเบียนบ้าน/วัด
3.  สำเนาใบสุทธิประกอบด้วย สถานะเดิม,หน้าอุปสมบทและหน้าสังกัดวัด,
      หน้าเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี), หน้าใบรับสมณศักดิ์4.    รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ (ติดแบบฟอร์ม 1 ใบ, แนบมา       พร้อมเอกสาร 1 ใบ)
5.    โปรแกรมทัวร์ ของ สังคมทัวร์ ที่พระคุณเจ้าร่วมขบวนทัวร์แสวงบุญ
6.    กรณีพระภิกษุผู้มีพรรษายังไม่พ้น 5 และสามเณร ต้องมี
"หนังสือรับรองว่าจะเป็นผู้ดูแลความประพฤติพระภิกษุ-สามเณรในระหว่างไปต่างประเทศ"

และกรอกรายละเอียดในแบบคำขออนุญาต (มีจำหน่ายที่โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 
แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพมหานคร) 

โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะปกครองตามลำดับ ตั้งแต่

เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะภาค

2. ยื่นแบบคำขออนุญาตฯ ที่เลขานุการคณะกรรมการ ศ.ต.ภสำนักงานตั้งอยู่ ณ วัดสังเวชวิศยาราม บางลำพู  กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการฯ ในวันที่ 1 และวันที่ 15 ของทุกเดือน
3. คณะกรรมการ ศ.ต.ภ. พิจารณา แล้วส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการ

4. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหนังสือแจ้ง กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อออกหนังสือเดินทาง

และค่อยฟังประกาศผลทาง
1. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่วนศาสนวิเทศ
2. http://www.sortorpor.org

ขั้นตอนเหล่านี้ แค่ ศ.ต.ภ. พิจารณาให้ผ่าน แต่ต้องเตรียมเอกสาร 
1. เลขที่และวันที่ ที่ทาง ศ.ต.ภ. ได้พิจารณาให้ผ่าน  
2. หนังสือสุทธิตัวจริง
3. ทะเบียนบ้านตัวจริง
4. ใบตราตั้งตัวจริง
ไปทำ Passport ที่สถานกงศุลอีก




เพิ่มคำอธิบายภาพ