วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เจาะไอร้อง ครั้งแรกแต่ไม่ใช้ครั้งสุดท้าย EP.3

Ep.3 เป็นตอนจบแล้ว จึงขอจัดเต็มทุกอย่าง เพื่อเป็นการส่งท้าย ทริปเจาะไอร้องนี้  อ้าว!!! เตรียม 3g ให้พร้อม แล้วขอเชิญล่องเรือชมใต้ไปด้วยกันเลยคร่า


นั่งคุยกันกับเพื่อน เพื่อนยื่นโทรศัพท์มาให้ดู โชคดีนะที่พวกเรากลับมาก่อน ไม่งั้นคนที่เป็นข่าว อาจจะเป็นพวกเราก็ได้ เพราะข่าวเพิ่งออกว่า มีการวางระเบิดใหญ่ 3 จุดของจังหวัดนราธิวาส เส้นทางที่เราผ่านเลย


ถ้าลำดับสถานการณ์จากในข่าว จะได้แบบนี้
เวลา 15.55 คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่ฐานทัพตำรวจ(นปพ.)อ.เจาะไอร้อง
เวลา 16.40 คนร้ายลอบวางระเบิด และซุ่มโจมตี ฐานปฎิบัติกองร้อยทหารพราน 4816 ทหารได้รับบาดเจ็บ 6-8 นาย
ที่นี่ คนร้ายน่าจะซุ่มโจมตีอยู่ที่โรงพยาบาลเจาะไอร้อง พอคนโดนยิง ก็ไม่สามารถรักษาในโรงพยาบาลเจาะไอร้องได้
(ด้านหลังของโรงพยาบาล คือเขาตะเว มีฐานทัพ หรือฐานฝึกของผู้ก่อความไม่สงบ) 

เวลา 17.09 คนร้ายลอบวางระเบิดที่ตลาดบ้านยางยิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง
เวลา 19.25 คนร้ายลอบวางมอไซด์บอม ที่ฐานปฏิบัติการชุดสันติสุข อ.สุไหงปาดี 
ภาพ เอามาจากเน็ตทั้งหมดนะคะ ถ้าถ่ายเองมาทั้งหมด อาจจะไม่ได้มานั่งพิมพ์เล่าอยู่ตรงนี้ น่าจะกองอยู่แถวนั้น
จากที่เผือกมา จะมาเล่าให้ฟัง ว่ามันเป็นยังไง

วันที่ 13 มี.ค. ทุกปี เป็น วันครบรอบการสถาปนา
กลุ่มขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือ

ขบวนการติดอาวุธเพื่อปลดปล่อยปัตตานีเป็นอิสระ หรือ

ขบวนการต่อสู้เพื่อแยกปัตตานีเป็นอิสลาม หรือ

BRN  หรืออะไรก็ตามแต่  ช่างมันเถอะ ถึงชื่อจะเพราะยังไง แต่การกระทำมันสวนทาง เสียดายชื่อ (ฮึ่ย!! ขออภัย มันขึ้นๆ)

http://pantip.com/topic/30886061
หรือสามารถ Search ข้อมูลในเน็ต ลองไปหาดูค่ะ จะเจออะไรแบบนี้

อ่านแล้วจะโค ตะระ งงกับตรรกะพวกนี้เหมือนกัน บอกว่าอยากจะแยกเป็นรัฐเพื่อปกป้องตัวเองด้วยความยุติธรรม แล้วทีทำกับคนอื่น มันยุติธรรมตรงไหนกันคะ


ซึ่งพวกเขาจะเฉลิมฉลองด้วยการแสดงแสนยานุภาพ ในการวางระเบิด หรือทำร้ายผู้คนทุกปี ย้ำ!!! 13 มี.คทุกปี (ชื่อก็บอกแล้วว่ากองกำลังติดอาวุธ) เราก็รู้ว่าต้องมีเหตุการณ์ แต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาที่ลับ เราที่แจ้ง เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ได้แต่เตรียมป้องกัน บอกแล้วว่าเขาอดทน และเตรียมตัวมานาน

ที่อุกอาจคือ การลอบก่อความไม่สงบครั้งนี้ ก่อเหตุที่โรงพยาบาล
ตัวแปรต้น >>> คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ ยึดโรงพยาบาลเป็นฐานทัพ ซุ่มยิงออกมา
ตัวแปรตาม >>> ตำรวจก็ยิงตอบไม่ได้ เพราะเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์

ที่ฉันสงสัย คือ การไปซ่อนที่โรงพยาบาล ที่ปิด แล้วทำไมถึงจับไม่ได้  โรงพยาบาลมันออกได้กี่ทาง  ทำยังกะหนังไทย พูดแล้วมันขึ้น  (แต่รู้ว่าตำรวจทหารไทยทำดีที่สุดแล้ว ที่เคยเห็นข่าว ปะทะกันตรงๆตั้งกี่ครั้ง กี่ชีวิตแล้วที่ยอมพลีเพื่อชาติ ที่ตรงนี้ คนปกติที่ไหนจะอยากมา ก็มีแต่คนหัวใจยิ่งใหญ่มากๆ  ถึงจะมาได้ เป็นกำลังใจให้นะคะ แฮะๆ แพร่บๆ อย่าว่าเค้าน่ะ เค้าแค่คิดเฉยๆ)

มองโลกในแง่ดี เขาก็คงจะไม่ไร้ความเมตตาจนเกินไปนัก เพราะยังไงก็ไม่จับคนป่วยเป็นตัวประกัน และไม่ทำร้ายผู้ป่วยที่อยู่ข้างใน ถ้าทำ ก็คงเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมยิ่งกว่าสัตว์อะไรเสียอีก

พอพ่อมาคุยด้วย ภายใต้ใบหน้ายิ้มๆของพ่อ ก็มีบางเหตุการณ์ ที่ยังไม่ได้เล่าให้เราฟัง พ่อบอกอยู่ที่นี่ก็ต้องเข้มแข็ง เพราะคนพวกนี้ทำได้ทุกอย่าง เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและกลุ่ม แม้ต้องเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ลูกเด็กเล็กแดง รวมถึงผู้ร่วมศาสน์กี่ร้อยพันมันก็ไม่สน... มุ่งหมายทำร้ายชาวพุทธ แต่ถ้าโดนชาวอิสลาม ก็ถือว่า ซวยและเสรือก เอง  เคยมี ผู้ก่อการร้ายฆ่าคนที่มีมากับลูกเล็กๆ โดยการตัดคอ เจ้าเด็กตัวเล็กๆ ไม่รู้เรื่องก็ร้องไห้ วิ่งไปเอาหัวพ่อที่กลิ้งไป มาต่อกับตัวพ่อ บอกพ่อตื่น พ่อตื่น ..............................

ที่เห็นในข่าว เยอะก็จริง เยอะจนคนอ่านข่าวชินชา เปิดอ่านข่าวผ่านๆแล้วพูดคำเดิมๆ เกิดอีกและ  แต่สำหรับคนที่นี่ มันไม่ใช่ มันเกิดขึ้นกับคนในสังคม คนในหมู่บ้าน เพื่อนสนิท และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ มันจะเกิดกับเรา



สงสารคนที่นี่จับใจ



หลังจากวันนั้น


คิดว่าฉันจะมีอารมณ์ทำอะไรต่อ 555555


โหวตคะ
1. บินกลับทันที
2. หนีตามผู้ก่อการร้ายไป
3. ตายซะให้รู้แล้วรู้รอด
4. ตักบาตรเอาบุญ

เฉลย >>>  จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไปแล้ว เลื่อนก็เสียเงินสิ คนสวยใจบุญ ขอพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการตื่นเช้าไปตักบาตรเอาบุญคุ้มศีรษะให้เต็มที่ในขณะอยู่ที่นี่กัน

บรรยากาศตอนเช้าที่นี่ สงบดี ที่นี่เป็นเมืองไม่ใหญ่ ยังมีชาวบ้านตักบาตรที่หน้าบ้าน มีเด็กชายวัยรุ่นคอยเดินตาม ที่อื่นเรียกเด็กวัด ที่นี่เรียกลูกโยม น่าดีใจที่มีวัยรุ่นสนใจพระ สนใจพระพุทธศาสนา จิตใจดี  หน้าตาก็ดี มีค่าเทอมยังจ๊ะ 555 



ที่เห็นคือ น้องลูกโยม 1 คน เดินตามพระ ช่วยถือของตักบาตร แล้วมีอีก 2 คนขี่มอไซด์ มาเปลี่ยนย่ามที่เต็มกลับวัดก่อน ทำงานเป็นทีม นี่สิ  ใช่ความสามารถในทางที่ถูกต้อง 




หลังจากนั้นเราได้ไปเดินตลาดสมใจ มีดูภาพบรรยากาศตลาดกัน



พ่อค้าหนุ่มชาวนราธิวาส เปิดร้านปิ้งย่าง Yakiniku



หลังจากนั้น เขาก็นำอาหารเหล่านั้น มาใส่บาตรแก่เนื้อนาบุญ ใจคุณหล่อมาก



นี่คือร้านขายพฤกษานานาพันธุ์ในตลาด  



หนุ่มแดนข้าวยำฯ กำลังเลือกซื้อปลาดิบ เอาส่วนโอโทโร่นะแม่ค้า หมดแล้วจ่ะพ่อหนุ่ม เหลือแต่ส่วนอะคามิ



บรรยากาศตอนเช้า ผู้คนพลุกพล่าน มีทหารด้านหลังมาหาซื้อไก่ทอดหาดใหญ่กิน


เก็บภาพร้านค้าหน้าตลาดมาฝาก  ฝักสีน้ำตาล  คล้ายสะตอยักษ์เอาไว้ทำอะไรไม่รู้  ทาโกะยากิใต้เหรอ

อีกร้านนึง ไม่ได้เก็บภาพมา จะถ่ายภาพแล้ว เจ้าของร้านขายสังฆทานแบบโบราณๆ บอกมือหยอยๆ ตะโกนเสียงดัง ไม่ให้ถ่ายๆ ถ่ายทำไมๆ น่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย คิดว่าฉันเป็นสายให้ผู้ก่อการร้ายรึเปล่า อันนี้สันนิษฐานเอง อาศัยทักษะจากการเรียนจบ K9 มา


บรรยากาศเมืองนราธิวาสตอนเช้า เงียบ สงบ มากๆ


ในเมือง มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ด่านเล็กๆ พอกรุบกริบ


วันเกือบสุดท้ายแล้ว

ได้ย้ายไปพักอีกที่นึง ณ อำเภอตากใบ กว่าจะเดินทางไปถึง  ผ่านด่านทหารกว่า 10 ด่าน เก็บภาพบางส่วนมาให้ดู 




นับเป็นอีกนวัตกรรมความปลอดภัยที่มีกุศโลบายให้รถที่ผ่านได้ชะลอตัว ผู้ก่อการร้ายลำบากในการหลบหนี และคนปกติ ลำบากในการขับขี่ 555 แต่ละที่ก็มาการออกแบบที่แตกต่างกัน ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่ค่อยชินแบบนี้เลยจริงๆ ไม่สนุกเลย

ค่ำๆของวันนั้น เพื่อนมาเรียก ไปวัดเร็วๆ ชาวบ้านเค้าไปวัดกันใหญ่เลย
ชื่อวัดบุณณาราม(วัดโคกงู)  มีเสียงโช้งเช้งในวัด
ชาวบ้านมาทำอะไรกัน ค่ำๆดึกแบบนี้?????   แกก็ถามสิ

คำตอบ
ชาวบ้านมาช่วยสร้างโรงครัวที่วัดกันค่ะ ถ่ายภาพมาให้ดู 



พี่ชุดชมพูเค้ายืนเหม่อ ดูสิว่าเขาจะทำอะไรต่อ



แน้ ยืนดูการตักทรายตักหินใส่กระบุง



เอ้าช่วยกันยกสิพ่อ แล้วเราจะยกไปไหนกัน



ยกเอามาใส่โม่ ใครล่ำสุด เป็นคนเข็น



เข็นมาแล้ว มีหน่วยไกล่เกลี่ยปูน


สอบถามชาวบ้าน ได้ความมาว่า

ท่านเจ้าอาวาสจะชวนญาติโยมมาสร้างโรงครัวกัน

“จ้างมาทำดึกๆดื่นๆเนี่ยนะพี่”

“ไม่ใช่จ้า ไม่ได้จ้าง  มากันเอง มากันทั้งครอบครัวเลย ลูกยังอุ้มมาเลี้ยงที่นี่ วัดมีหน้าที่ซื้ออุปกรณ์  ส่วนแรงงานชาวบ้านอาสาเอง 


พอเสร็จงานแต่ละวัน  จะมีฝ่ายแม่ครัว ทำอาหารเลี้ยงกัน วัดทั้งวัดเนี่ย ฝีมือชาวบ้านหมดเลยน่ะ มีแค่อาคารใหม่วัดจ้างเขาสร้าง” แล้วป้าพูดพลางชี้ให้ดู โรงครัวเก่า ถนนในวัด ห้องน้ำ ฯลฯ ที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้นมาเอง พร้อมหัวเราะเล็กๆด้วยความภาคภูมิใจ

“บ้านป้าไม่ได้ร่ำรวยหรอก ยังต้องไปกรีดยาง มากันตอนเย็นๆ เพราะกลางวันมันร้อน บางวันเลิก 4 ทุ่ม เที่ยงคืนก็ตื่นไปกรีดยางต่อ 


หมู่บ้านชาวพุทธที่นี่ เหลือสัก 500 คน แบ่งเป็น 6 หมู่บ้าน เจ้าอาวาสก็ให้สังกะลี(สัง-กะ-หลี) (ตอนแรกฟังเป็นสาวเกาหลี เออ! งง เกาหลีอะไรมาอยู่ตากใบ) นั่นคือ หัวหน้ากลุ่ม เป็นคนดูแลและผลัดกันเอาลูกบ้านมาช่วยกัน

“โรงครัวที่นี่ พระอาจารย์จากอุดร ที่ท่านเคยมาจำพรรษา ท่านช่วยออกแบบให้”

แล้วทำไมถึงพากันมาทำให้ท่านละคะ เงินก็ไม่ได้
“เจ้าอาวาสที่นี่ท่านพูดน้อย  แต่ท่านทำให้พวกเราดู ก็คอยเป็นกำลังใจดูอยู่ต้นจบงานทุกวันนั่นแหละ” 


“ถ้าไม่มีวัด ก็ไม่มีศูนย์รวมใจของชาวพุทธ  ถ้าที่หมู่บ้านของเรามีอะไรเกิดขึ้น ก็จะมารวมตัวกันที่วัดก่อน เจ้าอาวาสท่านก็อยู่ที่นี่ไม่ไปไหน เราก็เลยมาช่วยท่าน 

ตอนเหตุการณ์มันรุนแรงมากๆ ก็ไม่อยากให้ท่านไปบิณฑบาตเช้าๆ มันอันตราย เลยแบ่งกันทำแกงเวียนมาถวายท่านที่วัด ช่วยอะไรได้ พวกเราพร้อมจะช่วย”


ยิ้ม.....อิ่มอกอิ่มใจที่คนที่อยู่ในภาคใต้มีใจรักพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่น ไม่ค่อยเห็นบรรยากาศแบบนี้ เคยได้ยินตั้งแต่แม่เล่าให้ฟังเรื่องราวสมัยยังสาว พอมาเจอกับตัวเอง โห



เค้าซึ้ง


ในขณะที่คนในเมืองตั้งหน้าตั้งตาจับผิดพระกันอย่าเมามัน ยังมีชาวบ้านที่รักและหวงแหนพระพุทธศาสนาเต็มหัวใจ  เราต้องสูญเสียไปอีกเท่าไหร่ ถึงจะตระหนักตรงนี้กัน


วันเดินทางกลับ 

ก่อนการเดินทางกลับ ตั้งใจไว้ว่าอยากมาใส่บาตรในบรรยากาศทหารเดินตามพระ(เหมือนเห็นในข่าว) ก็ได้เห็นจริงๆ พระเดินออกจากวัด ถึง ฐานทัพทหาร แล้วทหารก็เดินออกมาสมทบ 

ต่างสถานะ ต่างอาวุธ “ทหารถือปืน ให้ชาวบ้านปลอดภัย  พระถือบาตรให้ชาวบ้านอุ่นใจ” คมมั้ยหล่ะ 555



(บรรยากาศมันวังเวงจริงๆนะเออ รอบๆเหมือนประเทศไทย 40 ปีที่แล้ว มืดๆ มีบ้านไม้ ต้นมะพร้าวสูงๆ ต้นยางเต็มไปหมด)  






ทหารเดินตามพระท่าน 1 คนเดินหน้า ห่างออกไปหน่อย คอยดูความเรียบร้อย ว่าไม่มีใครซุ่มอยู่
1 คนเดินตามหลัง ไม่ห่างมาก พอของในบาตรเต็ม ทหารก็ถือย่ามใส่ของให้ 

ที่สังเกตเห็น พระท่านก็เดินก้มหน้าเงียบๆของท่าน ทหารก็เดินถือปืนมองซ้ายขวาเงียบๆ ไม่เห็นคุยกัน
ถ้าเป็นฉัน มีเพื่อนเดินด้วยบรรยากาศแบบนี้ คงเม้าท์กันตลอดทาง

พอพระบิณฑบาตผ่านไป  ตกใจมาก มีรถถังวิ่งมา



สรุปเรื่องราวที่ได้เห็น “เมื่อก่อน ทหารต้องพกพระ ปัจจุบัน พระต้องพกทหาร” 

ปล. อยากถ้าให้กำลังใจพระ หรือทหารที่อยู่ที่วัดที่ฉันไปมา ตามที่อยู่นี้ได้นะคะ เชื่อว่าถึงจะแสดงความเข้มแข็งแค่ไหน แต่กำลังใจ คือสิ่งสำคัญเสมอค่ะ 


วัดบุณณาราม 137 หมู่ที่ 3 ตำบลบางขุนทอง อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส วัดบุณณาราม ผู้นำศาสนสถาน พระครูภัทรธรรมภาณี สถานที่ตั้ง เลขที่ 137 บ้านโคกงู ม.3 ต. บางขุนทอง อ.ตากใบ จ. นราธิวาส 96110

จะได้กลับแล้ว 

ระหว่างขากลับไปสนามบิน แวะซื้อของฝากเลื่องชื่อ กรือโป๊ะหรือข้าวเกรียบปลาทู  ถุงเบอเร้อ แถมน้ำจิ้มอีกต่างหาก 20 บาทเอง แต่ อร่อยมากกกกกกค่ะที่รัก กินแล้วแสงพุ่ง เลยซื้อกลับไปนิดเดียว ประมาณ 40 ถุง



ขับรถผ่าน  วงเวียน  มีสิ่งก่อสร้างหน้าตาคุ้นตาเหมือนนกกระดาษยักษ์ เขียนว่า อนุสาวรีย์นกสื่อสันติภาพ 


นึกถึงนกกระดาษ จำได้ ที่ปลายปี 47 สมัยอดีตนายกฯ นกขมื้น คนไทยได้ร่วมใจกันพับ และส่งไปโปรยจากบนฟ้า ให้พี่น้อง 3 จังหวัดภาคใต้ 



ขอให้นกตัวนี้ คอยกางปีก คอยคุ้มครองป้องภัย คอยนำพาความสงบสันติสุข  คืนสู่ภาคใต้ทีเถิด 
ฉันได้แต่อธิษฐานขอให้บุญรักษา ขอให้พระคุ้มครองคนที่นี่ ขอให้ขวานทองเล่มนี้ อยู่เป็นขวานทองของไทยตลอดไป


อย่าให้คนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งที่ก่อความไม่สงบ มาแบ่งแยกความเป็นคนไทยของพวกเราเลย 

ถึงสนามบินนราธิวาส และขึ้นเครื่องทันเวลา 

ระหว่างที่อยู่บนเครื่องนั้น ฉันนึกขอบคุณเพื่อน ที่พยายามคะยั้นคะยอให้ฉันมา  ขอบคุณตัวเอง ที่ตัดสินใจมาได้ ขอบคุณที่ฉันมีชีวิตรอดกลับบ้านอันเป็นที่รัก เอาหน้ากลับไปให้แม่หอมอีกครั้ง ให้สมกับที่ตอนขามา  บอกว่าไปชะอำ 555

ฉันมาที่นี่  ได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งคือ โชคดีที่วันนี้เรามีชีวิตอยู่ ชีวิตไม่ต้องหวาดกลัวที่ต้องเผชิญอันตราย ต่อไปนี้จะขอทำสิ่งที่ดีที่สุด เป็นคนดีของพ่อแม่ เป็นคนดีของสังคมให้เต็มที่เท่าที่อยากจะทำ สร้างบุญติดตัวให้เต็มที่เท่าที่อยากจะทำ ไม่มัวเสียเวลามานั่งหายใจไปวันๆ จับผิด นินทาเพื่อน เม้าท์เจ้านาย หลอกด่าคนอื่นในพันทิปอีกแล้ว 555 เชื่อสิ!!!

ถ้านอกจากกำลังใจที่อยากให้คนที่นี่ ขอสนับสนุน ให้มีการจัดงานบุญถวายสังฆทานที่นี่อีก เพราะได้เห็นมากับตา ได้ยินมากับหู ว่ามันคือการรวมพลัง และการส่งเสริมกำลังใจของพระ ชาวพุทธ และญาติโยมทุกสาขาอาชีพที่นี่จริงๆค่ะ     




สงบสุขไวไว แล้วเจอกันใหม่นะ  นราธิวาส

เจาะไอร้อง ครั้งแรกแต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย EP.2

<<... เจาะไอร้อง... >> ครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย EP.2

เก็บภาพบรรยากาศภาพในงานบุญมาให้ดูนิดหน่อยค่ะ ภาพ 1 ภาพ บอกเล่าได้มากกว่า 1000 ตัวอักษร ให้ดู 3 ภาพ ฉะนั้นบอกได้ 3000 ตัวอักษร



พวกเธอเห็นอะไรสามภาพนี้ไหม

เราเห็น...............ทหารคนนั้น  ที่หันหลัง เค้ามีลักยิ้มด้วย ฮิฮิ พวกเธอไม่มีวาสนาได้เห็นหน้าเค้าหรอก

ผิดประเด็น..............เราเห็นว่าทุกคน มีหน้าที่ของตนเอง ถ้าเราแต่ละคนทำหน้าที่กันอย่างสมบูรณ์ เกื้อกูลเมตตาต่อกัน สังคมก็เป็นไปอย่างสงบสุข  รู้สึกดีจัง

หลังจากงานบุญ ได้เวลาเที่ยง ที่วัดเค้าก็มีข้าวฟรีเลี้ยงที่โรงอาหารจ้า วิ่งหน้าตั้งเข้าไปเลย มีพี่ป้าน้าอา คือ ชาวบ้านทั้งนั้น มาช่วยกันทำอาหาร ตั้งแต่เตรียมงาน ตีสี่!! ยันเก็บงานเลย คือ เรามีหน้าที่ทานอย่างเดียว แม่ๆป้าๆบอกไม่ต้องล้างๆ ป้าล้างเอง ไม่ต้องเก็บโต๊ะ ลุงเก็บเอง ถนัดกว่า พริบตาเดียว ทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อยหมด


โห...........พูดไม่ถูกเลย ต้องพิมพ์เอาอย่างเดียว

มันคือความสามัคคี มันคืออุดมการณ์เพื่อส่วนรวม มันคือค่านิยม 12 ประการ สรุปแล้ว เราไม่ค่อยเห็นภาพแบบนี้บ่อยครั้งนัก ประทับใจการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านละแวกนั้นจริงๆค่ะ

ระหว่างการอิ่มเอมใจ และไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย555 แลเห็นเด็กน้อยตัวเล็ก 2 คน น้องอเล็กกับน้องเฟอร์กูสัน(นามสมมุติ) ด้วยสัญชาติญาณความสวยแบบมิสยูนิเวิร์สดักตบ ไปหยอกล้อเล่นกับหนุ่มน้อยทั้งสอง

ตัดภาพมาสู่ช่วงพูดคุย
Miss Universe: วันนี้หนูมาทำไมลูก
Kids: มากับแม่ แม่มาหุงข้าว
Miss Universe: แล้วหนูรู้ไหม ทหารมาทำไม?
Kids: มากินข้าว
Miss Universe: (หงายหลังไปแล้ว) หนูไม่เห็นความลำบากของพี่ทหารเลยใช่ไหมลูกกกกกกก (ไม่ได้พูด คิดในใจ)

และตอนแรกที่ได้ฟังเพื่อนคุยตอนแรกมา มีทั้งหมู่บ้านชาวพุทธ และชาวอิสลามอยู่ ฉันคิดในใจว่าจะอยู่ร่วมกันได้ไหม อยู่กันยังไง เพราะฉันก็เคยมีเพื่อนมุสลิม เวลาไปกินข้าวกัน เราอยากกินหมูกระทะ (จริงๆตักกุ้งกับปลาหมึกกรอบเยอะกว่า) เขาก็กินไม่ได้ ก็ต้องย้ายไปกินร้านที่เพื่อนกินได้ แล้วถ้าอยู่ร่วมกันตลอด มันจะเป็นยังไง

หลังจากงานบุญ ได้มีโอกาสคุยคนในพื้นที่ว่า ท่านเจ้าคณะจังหวัด พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธาราที่จัดงานในครั้งนี้  ท่านเป็นผู้หล่อหลอมรวมใจของ ชาวบ้าน ไม่ว่าชาวพุทธหรืออิสลาม ถ้ามีวาระสำคัญต่างๆ เช่น วันครบรอบ หรือวันสำคัญต่างๆ ก็จะมีทั้งชาวพุทธและอิสลาม มาแสดงมุฑิตาจิตกันอย่างล้นหลาม ความอบอุ่นล้นวัดกันเลยทีเดียว สรุปคือ ก็อยู่รวมกันได้นะ พระผู้ใหญ่ ก็เป็นที่เคารพนับถือของคนในชุมชน แม้จะต่างศาสนิกกันก็ตาม (สาระก็มี เห็นมั้ยหล่ะ)



ขากลับจากวัดไปที่พัก
รถวิ่ง ผ่านตลาดที่ชุมชนแถวนั้น ยังนั่งหลังกระบะเหมือนเดิม อยากถ่ายรูป เลยยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพื่อนรีบสะกิด ให้เอาลงก่อน คนมองแล้ว ให้ทำตัวเหมือนคนกลับบ้าน อย่าทำตัวเหมือนคนแปลกที่ คงจะเห็นฉันตื่นเต้นเกินไปรึเปล่า รึว่าสวย แต่อุตส่าห์ถ่ายมาได้ตั้ง 1 รูป 

(ทำไมแค่เห็นคนขับมอไซด์ใส่หมวกกันน็อก แล้วยังผวาเลย ชั้นวางใจใครไม่ได้ทั้งนั้น)


ที่พักอยู่ข้ามอำเภอ  ใกล้จะค่ำแล้ว รถวิ่งเร็ว ไม่สิ รถวิ่งเร็วมาก ฉันก็กลัวจะไม่ปลอดภัย แต่เพื่อนบอกว่า มันปลอดภัยกว่าที่เราวิ่งช้า เพราะรถที่วิ่งช้า คือ รถที่เป็นเป้านิ่งได้ง่าย หมายความว่า ถ้าเขาต้องการวางระเบิดจริงๆ จะกะประมาณการกดระเบิดไม่ได้ มีสิทธิ์รอด หรือเจ็บน้อย คนที่นี่จึงขับรถเร็ว เพราะรักชีวิตของตนเอง พูดออกมายาก บรรยายด้วยภาพละกัน 


พอรถถึงจุดหมาย ผมฉันแข็งจนนึกว่ารังนกอยู่บนหัว

ผ่านไปสองวัน ถึงวันที่ 13
วันนี้ถึงเวลาพักผ่อน  พ่อเพื่อนอาสาเป็นไกด์พาเที่ยว พวกเราย้ายมานั่งด้านหน้ารถกันหมด  เพื่อที่จะได้ฟังท่านเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับจังหวัดนี้
เขาว่า >>> ถ้าเราอยากรู้เรื่องราวการดำรงชีวิตของที่ไหน เขาว่าให้ไปดูที่ตลาด
พ่อบอกว่า>>> สัปดาห์ที่แล้ว ผู้ก่อการร้ายก็เพิ่งระเบิดตลาดนอกเมืองไป 555 ##พ่อเป็นคนตลก  แต่ตลาดบาเละฮิเลในเมืองที่พ่อพาขับรถผ่าน พ่อบอกว่าที่นี่ไม่มีระเบิดอย่างแน่นอน เขาบอกปลอดภัย อยากรู้ไหมว่าทำไม ...ไม่บอกหรอก 


ไปถึงหาดนราทัศน์ สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของนราธิวาส (ยืมรูปจากเน็ตจ่ะ ถ่ายเองไม่สวยขนาดนี้)


หาดทรายขาว ยาวสุดลูกหูลูกตา  มีรถม้าแคระคอยบริการนักท่องเที่ยวที่อยากชมหาดแบบไม่ต้องเดิน รอบละ 30 บาท


ฉันเดินไป และก้มลงเอาสองมือช้อนทรายขึ้นมา  แทบอยากเอามีทาบอก ย่อเข่า แล้วอุทานถึงความอัศจรรย์ ทรายขาวละเอียดนุ่มมือมาก เหมือนพริกไทย

และที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น เพื่อนก็ก้มลงมาด้วย ทำให้ทรายเข้าตา --! 555 เสียบรรยากาศหมด

ลมพัดเย็น แต่ไม่กล้าเดินลงไปเล่นน้ำ เพราะชาวบ้านนั่งกันเป็นครอบครัว แต่งตัวเรียบร้อยกันมากๆ (ก็ตามหลักศาสนาเค้ามั้ยหล่ะเธอ) มีแต่นั่งเล่นถ่ายรูปกัน ไม่เห็นใครเขาเล่นน้ำกัน เลยได้แต่เดินเล่นเก็บบรรยากาศ ถ่ายรูปสวยๆ (ไม่ให้เห็นหน้าหรอก เดี๋ยวหลังไมค์มาจีบ)


ที่นี่ไม่มีเก้าอี้ชายหาดเลย แต่ก็ไม่ได้ต่างกับที่เคยเที่ยวทะเลมาเท่าไหร่ เพราะมีขยะตามชายหาดค่อนข้างเยอะ มีเพิงขายของรอบๆ ซึ่งอาจจะทำลายความสวยงามไปบ้าง ถ้าเรามองข้ามก็คงไม่กลบความสวยงามตามธรรมชาติได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่แน่ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย (พูดสั้นๆว่าเป็นแค่คหสต.ข.จขกท.นะคะ อย่าว่าเค้านะ) 



กลับจากหาด ฤกษ์งามยามดี ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่เพื่อนอีกอำเภอ ซึ่งก็คืออำเภอคือเจาะไอร้อง
เรียกคุณอา ตามเพื่อนละกันนะคะ ถึงแกจะแก่ก็เถอะ ถามอาว่า เป็นยังไงบ้าง คุยนู่นนี่นั่นตามประสาคนเพิ่งเคยเห็นหน้ากัน  สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นไหม มีเหตุการณ์ตั้งหลายปีแล้ว (เอาเท่าที่จำได้นะคะ)

อาบอกว่า มันอันตราย จนไม่รู้สึกว่ามันอันตรายแล้ว อาว่าที่นี่ยังปลอดภัย ยะลาอันตรายกว่านะ (นี่ปลอดภัยแล้วหรือ ฮือ)

แต่ก็ไม่เข้าใจว่า “เขาไม่คิดจะแก้ปัญหาให้มันยั่งยืนกว่านี้แล้วหรือ” 

ส่งทหารมาประจำการเป็นชุดๆ พอหมดกะ ใครรอดก็กลับ ใครไม่รอดก็มีเงินเกื้อหนุน เดี๋ยวชุดใหม่ก็มา ทหารเขาก็ทำหน้าที่ตัวเองกันไป อาว่ามันเป็นเรื่องของงบประมาณ ที่ไม่จัดการให้สงบเด็ดขาด มันก็มีคนได้ประโยชน์ จะได้งบประมาณเยอะๆนี่แหละ พวกคนใหญ่คนโต @#@!!<@#!><

ทำไมไม่แก้ปัญหาให้ยั่งยืน เมื่อก่อนมันมีการตั้งนิคม ให้คนมาอยู่ ให้มีอาชีพ ให้ที่ดินทำกิน มีคนคอยช่วยคุ้มครอง ผ่านไปห้าปีหกปี คนจะอยู่ในพื้นที่ได้คุ้นชินเอง มันจะได้ขยายพื้นที่ปลอดภัย ตอนนี้ใครพอรวยหน่อยก็หนีไปที่อื่น คนพื้นเพก็น้อยลงทุกทีๆแล้ว @#@!!<@#!>< ตอนนี้การการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่มีวันจบหรอก @#@#@$#%#$^2

(พอ ดี งาน ยุ่ง ไม่ ว่าง พา อา ไป ปรับ ทัด สะ นะ คะ ติ นะคะ)


อาบอกอีกว่า คนที่อารู้จักก็ยังเคยเจอความรุนแรงมาแล้ว ท่านเจ้าอาวาสวัด...เค้าลืม เค้าขอโทษ ท่านเพิ่งมาประจำวัดใหม่ๆ ท่านก็เอาเลย เปิดสวดมนต์เสียงตามสาย ทีนี้ มีผู้ไม่หวังดีมาเตือนท่าน  ว่าช่วยปิดเสียงหน่อย มาใหม่ อย่ามารบกวนคนแถวนี้

ท่านเจ้าอาวาส ก็ไม่สนใจ สองวันต่อมา มีระเบิดมาวางไว้ที่ถังขยะหน้าวัด แต่สะเก็ดระเบิดทะลุขาท่าน จากอีกด้านหนึ่ง ไปอีกด้านหนึ่ง เวลาล้างแผลก็ต้องเอาไม้พันสำลีใส่ยา ทำความสะอาดรู กลวง ใน ขา  กว่าแผลจะปิดสนิท.......................


วันนั้น ต้องไปส่งเพื่อนคุณพ่อที่สนามบินในเมือง เลยเวลามาแล้ว ก็ขอตัวกลับก่อน ไม่งั้นคงจะมีเรื่องราวมาเล่ามากกว่านี้ ก่อนกลับก็ยังไม่ลืมให้ศีลให้พรอา เอ๊ย อวยพรให้คุณอาอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยด้วยนะคะ อย่าให้หน้าหนังสือพิมพ์ออกข่าวผู้เคราะห์ร้ายคืออาเลย

หลังจากเราไปสนามบิน ก็กลับที่พักกัน หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เพื่อนนั่งเล่นไลน์อยู่ เพื่อนก็เงยหน้ามาถามเราว่า รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร
ฉัน>>ฮื่อ (สายหัว) ดีที่พวกเรากลับมาจากทางนั้นก่อนน่ะ ไม่งั้นคนที่เป็นข่าวในไลน์อาจจะเป็นเราก็ได้ วันนี้วันที่ 13 มี.ค......มีข่าวใหญ่  

ซึ่งจะเป็นอะไรนั้น เดี๋ยวมาเล่าต่อ EP.3 ซึ่งเป็นตอนจบละกันนะคะ